ภูกระดึง จ.เลย

เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งของเมืองไทยเพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและภูมิประเทศหลากหลายทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและหน้าผาชมทิวทัศน์ ลักษณะเด่นของอุทยานฯ แห่งนี้คือเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่คล้าใบบอนหรือรูปหัวใจ

ก่อนเดินทางมาท่องเที่ยวป่าเขาที่ภูกระดึง นักท่องเที่ยวควรสำรวจสุขภาพตัวเองก่อนว่าพร้อมจะเดินและปีนป่ายเขาที่มีระยะทางร่วม 9 กิโลเมตร  นักท่องเที่ยวควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน จึงจะเที่ยวได้ทั่วถึง   ขณะที่เดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ บนภูกระดึง เราจะพบพระพุทธรูปอยู่ระหว่างทางด้วย

ความรักของหนุ่มสาวหลายคู่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางขึ้นสู่ยอดภูกระดึง  เนื่องจากตลอดเส้นทางต้องฝ่าฟันอุปสรรคความยากลำบาก  เป็นบททดสอบร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี  ความเห็นอกเห็นใจและเอื้ออาทรเอาใจใส่ ซึ่งกันและกัน 
  
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จะเปิดให้เที่ยวบนยอดภูกระดึงได้เฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น  ช่วงระหว่างมิถุนายนถึงกันยายนของทุกปี ทางอุทยานฯ จะปิดเพื่อปรับสภาพธรรมชาติ ให้ฟื้นตัวและปรับปรุงสถานที่พักสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

เส้นทางขึ้นภูกระดึง ทางขึ้นค่อนข้างชันแต่จะมีจุดแวะพักที่ ซำหมายถึง บริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมาแต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ 
ที่ทำการอุทยานฯ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีด่านเก็บค่าธรรมเนียมคนละ 5 บาท และบริการลูกหาบสัมภาระ กิโลกรัมละ 8 บาท จากนั้นนักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าขึ้นสู่ภูกระดึงอีก เป็นระยะทางประมาณ 5.5 กม.

สำหรับการเดินทางขึ้นภูกระดึงนั้น ทางอุทยานฯ จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00 - 14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ทางอุทยานฯ จะไม่อนุญาต เพราะระยะทางในการเดินทางขึ้นเขาต้องใช้เวลาในการเดินเท้า ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทาง ดังนั้น อาจจะทำให้เกิดความยากลำบาก อีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืนอีกด้วย
 
ที่ท่องเที่ยวบนภูกระดึง

ผาหล่มสัก
ถ้าไม่มาชมพระอาทิตย์ตกที่นี่ ก็เหมือนไม่ได้มาเยือนภูกระดึง ลักษณะแผ่นหินแปลกตากับโค้งกิ่งสนที่รองรับกันพอดิบพอดี
นิยมจะใช้เป็นจุดชมวิว ดูดวงอาทิตย์ตกดิน และน่าจะถือได้ว่าเป็นภาพที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางเวลาเดินกลับที่พัก

ผานกแอ่น
เป็นลานหินเล็กๆ มีสนต้นหนึ่ง ขึ้นโดดเด่นอยู่ริมหน้าผา เป็นจุดท่องเที่ยวชมพระอาทิตย์ขึ้น ในทุกเช้าของหน้าหนาวจะมีนักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปกันมาก ในช่วงเวลาที่เดินเท้าฝ่าความมืดมาชมพระอาทิตย์ขึ้นนั้น เป็นช่วงที่ประจวบเหมาะกับ เวลาที่พระจันทร์กำลังจะลับขอบฟ้า ด้านตะวันตกนั้นจะได้เห็นภาพสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ

ผาหมากดูก เป็นผาที่มีลานหินกว้างขวาง เป็นผาสำหรับชมพระอาทิตย์ตกที่ใกล้ที่พักมากที่สุด สามารถชมทิวทัศน์ภูผาจิตในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ในช่วงต้นฤดูฝนจะมีดอกกระเจียวขึ้นเต็มทุ่งตามเส้นทางสู่ผาหมากดูก

คล้ายถ้ำใต้น้ำตกน้ำตกวังกวางจะมีความสวยงามมากในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - ตุลาคม บริเวณนี้จะมีทากชุม ห้วยเล็กๆ ที่โอบล้อมที่พักอีกด้านจะไหลลงน้ำตกที่นี่
สระอโนดาต เป็นสระน้ำขนาดไม่ใหญ่นักที่มีต้นสนขึ้นเป็นแนวแน่นขนัด ใกล้กันยังมีลานกินรี ซึ่งเป็นสวนหินธรรมชาติที่อุดมไปด้วยพรรณไม้ทั้งพวกกินแมลงอย่างดุสิตา หยาดน้ำค้าง หรือเฟิร์น เช่น กระปรอกสิงห์ บนหินยังมีไลเคนขึ้นอยู่เต็มไปหมดด้วย


น้ำตกวังกวาง ด้านข้างของน้ำตกมีทางแคบๆ สำหรับปีนลงไปทีละคน จะพบหลืบหินมีลักษณะคล้ายถ้ำใต้น้ำตกน้ำตกวังกวางจะมีความสวยงามมากในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - ตุลาคม บริเวณนี้จะมีทากชุม ห้วยเล็กๆ ที่โอบล้อมที่พักอีกด้านจะไหลลงน้ำตกที่นี่

น้ำตกถ้ำสอเหนือ น้ำไหลมาจากผาเป็นม่านน้ำตก บริเวณเหนือน้ำตกมีดงกุหลาบแดงซึ่งในช่วงฤดูร้อนจะผลิดอกสร้างสีสรรค์ให้กับบริเวณนี้สวยงามยิ่งขึ้น
 
การเดินทางไปภูกระดึง จ.เลย
รถประจำทาง
โดยสารรถยนต์จากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต) กรุงเทพมหานคร ไปลงที่ ผานกเค้า แล้วโดยสารรถประจำทางไปลงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จากนั้นก็เดินต่อขึ้นไปยอดภูกระดึงภูกระดึง
รถไฟ
จากกรุงเทพมหานครโดยสารรถไฟไปลงที่ขอนแก่น จากนั้นโดยสารรถประจำทางสายขอนแก่น-เลย ไปยังหน้าตลาดที่ว่าการอำเภอภูกระดึง แล้วต่อรถเมล์เล็กเดินทางต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นปีนเขาขึ้นยอดภู จากนั้นต้องเดินเท้าอีก 5 กิโลเมตร จึงจะถึงหลังแปแล้วเดินเท้าไปตามทุ่งหญ้าอีก 4 กิโลเมตร ก็จะถึงที่พักบนยอดภูกระดึงทางอุทยานฯ ได้จัดลูกหาบสัมภาระของนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนยอดภูกระดึง คิดค่าบริการเป็นกิโลกรัม
รถยนต์   
          1. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า ด่านซ้าย ภูเรือ และอำเภอเมืองเลย เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 (เลย-ขอนแก่น) และเลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2019 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 
         2. ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา จนถึงจังหวัดขอนแก่นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูผาม่านและตำบลผานกเค้า เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 
         3. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 ผ่านจังหวัดชัยภูมิ อำเภอภูเขียว แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ จากนั้นเดินทางเช่นเดียวกับเส้นทางที่ 2


 
จากใจคนเคยไปภูกระดึง
- เวลาอยู่กับธรรมชาติแล้วรู้สึกสดชื่นแทบไม่อยากกลับไปทำงานที่กรุงเทพเลย
- อากาศเย็นสบายมาก สถานที่สวยถ้าใครมากับคู่จะโรแมนติกมาก

- ถ้าฤดูหนาวคนเยอะสนุกดี แต่ต้องหาที่กางเต้นท์กันยากหน่อยอากาศน่าเที่ยวมาก
-ช่วงเทศการเขาจะจัดงานท่องเที่ยว เช่นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะมีงานเริ่มตั้งแต่เวลา  05.30 น. คู่รักชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่ผานกแอ่น  ทำบุญตักบาตรที่ลานพระศรีนครินทร์ ไหว้องค์พระพุทธเมตตา  บายศรีสู่ขวัญ และพิธีสำคัญคือ การจดทะเบียนสมรส  หลังจากนั้นเดินเที่ยวชม ความสวยงามของธรรมชาติตามอัธยาศัย  สำหรับช่วงค่ำอุทยานแห่งชาติภูกระดึง  จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ฉลองทะเบียนสมรส  เป็นเสร็จพิธี
 
 
อุทยานแห่งชาติ ภูกระดึง โทรศัพท์ 042871333,042871458 โทรสาร 042871333

ใครเคยไปหรืออยากไปก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้นะครับ



ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน

ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน

ปางอุ๋ง หมายถึงที่พักริมอ่างเก็บน้ำนี่เอง  จุดเด่นของที่นี่คือ เวิ้งน้ำสายหมอกและใบสน ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ส่องแสง สะท้อนผืนน้ำเป็นลำแสงสีทองผ่านแนวสนเขียวขจี ท่ามกลางบึงน้ำขนาดใหญ่และสายหมอก พร้อมอากาศที่หนาวเย็น (จับใจ)
ปางอุ๋ง มีลักษณะเป็นพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนที่ปลูกเรียงรายกัน  ภาพอันสวยงามของไอหมอกที่ลอยเหนือทะเลสาบ กับบรรยากาศอันหนาวเหน็บในยามเช้า ยิ่งยามพระอาทิตย์ขึ้นจะสะท้อนผืนน้ำผ่านทิวสนและไอหมอกบางๆ ยิ่งเป็นภาพที่สร้างความประทับใจแบบสุดๆ
ยิ่งยามพระอาทิตย์ขึ้นจะสะท้อนผืนน้ำผ่านทิวสนและไอหมอกบางๆ ยิ่งเป็นภาพที่สร้างความประทับยากจะลืมเลือน แม้ในกระทั่งเวลาที่หมอกเลือนลางหายไปก็ยังคงความงามเรียกว่างดงามจนถือได้ว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในเมืองไทย แถมยังมีอากาศที่หนาวเย็น หลายคนบอกว่าที่นี่คือสวิสเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย
 
นอกจากชมบรรยากาศของสายหมอกในยามเช้าแล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้ คือ การนั่งแพ ชมทัศนียภาพและบรรยากาศโดยรอบ รวมถึงชมหงส์พระราชทานจากสมเด็จพระราชินี ซึ่งเป็นหงส์ดำและหงส์ขาวอย่างละ 1 คู่ด้วยกันและไม่ควรพลาดที่จะไปชมสวนปางอุ๋งใกล้กับ ที่ทำการของ โครงการพระราชดำริฯ

และอีก 6 กิโลเมตรจะเจอกับ"บ้านรักไทย" ที่นี่เป็นแหล่งขายใบชาและผลไม้แช่อิ่มขนาดใหญ่ รับรองมีให้เลือกกันอย่างจุใจแน่นอน
เส้นทางจากแม่ฮ่องสอน -ปางอุ๋ง นอกจากเส้นทางจะคดโค้ง ขึ้นเขาชันจัด ๆ และถนนแคบมาก ๆ แล้วยังมีหมอกเป็นอุปสรรคอีกต่างหาก หากไม่ชำนาญเส้นทางควรเดินทางในช่วงกลางวันจะปลอดภัยกว่ามาก
 
การเดินทางไปปางอุ๋ง
จากกรุงเทพฯ
มีรถโดยสารประจำทางปรับอากาศของบริษัทเอกชน ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือหมอชิต 2 ทุกวันๆ ละ 1 เที่ยว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด   02-5765599    02-9362852-66 , 02-9362841-8 ต่อ 614
จากเชียงใหม่ มีบริการ 2 เส้นทาง   
1. สายเชียงใหม่-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน
มีบริการวันละหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา (ทางหลวงหมายเลข 108) 06.30-21.00 น. ใช้เวลาเดินทางถึงอำเภอ แม่สะเรียง 4 ชั่วโมง ถึงแม่ฮ่องสอน 8 ชั่วโมง 
2. สายเชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน
มีบริการวันละหลายเที่ยว ตั้งแต่เวลา (ทางหลวงหมายเลข 107 และ 1095) 07.00-12.30 น. ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 6 ชั่วโมงรายละเอียดติดต่อ บริษัท เปรมประชาขนส่ง จำกัด โทร.   0-5361-1318

จากปายไปปางอุ๋ง 
มีรถตู้อยู่หน้าวัดกลางที่ปาย เดินขึ้นไปจากร้านมิตรไทยไปทางแม่น้ำปายเลย AYA service ไปอีก ราคาคนละ 500 บาท รถจะแวะที่เที่ยวระหว่างทางให้ด้วย จุดชมวิวกิ่วลม จุดชมวิวปางมะผ้า ถ้ำปลา น้ำตกผาเสื่อ ถ้ำน้ำลอด ภูโคลน หมู่บ้านรักไทย ปางอุ๋ง

จากแม่ฮ่องสอนไปปางอุ๋ง 
จากเมืองแม่ฮ่องสอนใช้เส้นทางแม่ฮ่องสอน-ปางมะผ้า ไปประมาณ 10 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเส้นทางเดียวกับไป ภูโคลน ผ่านน้ำตกผาเสื่อ พระตำหนักปางตอง เดินทางขึ้นไปเรื่อย ๆ สังเกตุทางแยกซ้ายมือจะมีป้ายเล็ก ๆ เขียนว่าไป "บ้านรวมไทย" ให้เลี้ยวซ้ายไป ผ่านหมู่บ้านห้วยมะเขือส้มแล้วถึง บ้านรวมไทย หรือ ปางอุ๋ง เส้นทางนี้คดโค้งขึ้นเขาชันและถนนแคบ บางครั้งมีหมอกเป็นอุปสรรค จึงควรเดินทางในช่วงกลางวัน

 
ที่พักในปางอุ๋ง
สำหรับที่พักภายใน หมู่บ้านรวมไทย (ปางอุ๋ง) นั้น มีดังนี้
1.) บ้านพักของโครงการพระราชดำริ ปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) โทร. 053-692056
- เต็นท์ โครงการพระราชดำริ ปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) รับจองพื้นที่กางเต็นท์ล่วงหน้าจำกัดวันละ 50 เต๊นท์(ไม่มีค่าใช้จ่าย)
2.) รวมไทยเกสต์เฮาส์ อยู่ริมทะเลสาบ โทร . 053-611244
        
มี 3 แบบครับ คือ
- เกสต์เฮาส์ขนาดเล็ก และ บ้านชนเผ่า ราคา 250 บาท
- เกสต์เฮาส์ขนาดกลาง ราคา 350 บาท
- เกสต์เฮาส์ขนาดใหญ่ ราคา 500 บาท
3.) เกสต์เฮ้าส์ของชาวปางอุ๋ง อยู่ห่างจากทะเลสาบประมาณ 150 เมตร
เป็นบ้านพักที่ดำเนินการโดยชาวปางอุ๋ง โดยการรับจองทั้งหมดดูแลโดย ศูนย์ศิลปาชีพ แม่ฮ่องสอน โทร . 053-611244

 
จากใจคนที่เคยไปปางอุ๋ง
ที่บ้านลุงปาละ นอนเต้นท์ ก็โอเคนะคะ อุ่นดี แต่ลำบากตอนไปอาบน้ำ ล้างหน้า แต่ถ้าหน้าหนาวมากๆก็ไม่อาบอยูแล้วนิ อิอิ
เส้นทางไปปางอุ๋งจะแคบ ชัน และมีโค้งหักศอกมากเหมือนกัน ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงนะคะ
เจ้าหน้าที่ก็ดีนะครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส เอาใจใส่แขกดีมากเลย
อีกด้านหนึ่งของอ่างเก็บน้ำ ไม่ไกลจากจุดที่ถ่ายภาพ หงส์ว่ายน้ำหน้าโครงการปางอุ๋ง  ก็จะเป็นที่ตั้งของบ้านรวมไทยเกสท์เฮ้าส์  วิวที่ถ่ายภาพอ่างเก็บน้ำก็จะดูแตกต่างกันออกไปอีก
เที่ยวได้ทั้งปี ความประทับใจก็หน้าจะต่างกันไปหากไปต่างฤดู หากชอบหมอกชอบหนาว ก็ต้อง ปลายปี แต่ถ้าชอบเขียวๆ เปียก ๆ ก็ต้องตอนหน้าฝน หากไปตอนหน้าฝน อาจจะอันตรายระหว่างเดินทางนะครับ
   
ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 0-5361-2982
ใครเคยไปหรืออยากไปก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้นะครับ

ทะเลแหวก จ.กระบี่



ทะเลแหวก จ.กระบี่
ทะเลแหวกคือสันทรายที่โผล่อวดโฉมเพราะน้ำลด เกิดเมื่อคลื่นพัดทรายมาพบกันที่จุดกึ่งกลางจึงกลายเป็นแนวสันทรายเชื่อมเกาะให้ถึงกัน สามารถเดินไปมาหากันได้ สันทรายที่ว่าจะหายไปเมื่อน้ำสูงขึ้น แต่เมื่อน้ำลดสันทรายแนวยาวขาวสะอาดก็จะกลับมาอีกครั้ง เพื่อแบ่งแยกทะเลให้เป็น 2 ส่วน
ความงามของทะเลแหวกอยู่ตรงที่เมื่อน้ำเริ่มขึ้น คลื่นจากสองฝากฝั่งจะช้อนตัวมาบรรจบกัน  จุดกึ่งกลาง เป็นอะไรที่ยากบรรยายนอกจากจะมาเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น เราสามารถเดินเหยียบทรายขาวละเอียด จากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่งได้เวลาน้ำลด การท่องเที่ยวทะเลแหวก จะนิยมท่องเที่ยวทั้งหมด 4 เกาะ คือเกาะไก่ เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะปอดะ ซึ่งสามารถเที่ยวได้ใน 1 วัน
เกาะไก่เป็นเกาะที่สามารถหยุดเรือแล้วลงไปว่ายน้ำได้โดยสามารถลงไปเล่นน้ำแล้วให้อาหารปลาด้วยการ ให้ขนม ปังโรย ไว้รอบๆตัวแล้วปลาก็จะมาอยู่ล้อมรอบเรา ซึ่งเป็นอีก 1 ใน Unseen in Thailand

 
ช่วงที่ควรไปทะเลแหวก
ปรากฏการณ์ทะเลแหวกนี้ ควรจะเดินทางมาในช่วง เวลาที่น้ำทะเลลงต่ำสุด ในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อน และหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน  ถ้าช่วง พย. - เมย. ทะเลอันดามัน ปลอดภัย และสวยกว่าช่วงอื่น

ฤดูกาลท่องเที่ยวคือเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี ในอดีตนักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือ มาตกปลา มากางเต้นท์ นอนนับดาวในคืนเดือนแรม หรือชมแสงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญ ค้างคืนบนเกาะได้
แต่ปัจจุบัน ไม่อนุญาตให้นอนค้างแรมบนเกาะแล้ว ทะเลแหวกถือว่าเป็นไฮไลท์สำหรับแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของกระบี่เลยทีเดียว มาเที่ยวทะเลกระบี่ทั้งที ต้องมาเที่ยวทะเลแหวกให้ได้สักหนึ่งหน

 
การเดินทางไปทะเลแหวก
ทะเลแหวกอยู่ในเขตอำเภอเมือง ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตร จากจังหวัดกระบี่ใช้ทางหลวง หมายเลข 4034 แล้วเลี้ยวซ้ายตามทางหลวงหมายเลข 4202 ไปอ่าวนาง

ตอนเช้ามีรถไปรับถึงโรงแรม ตอนเย็น ไปส่งกลับถึงโรงแรม หรือถ้าเดินทางมาโดยรถทัวร์ลงรถแล้วรออยู่ที่ท่ารถ บขส. ตอน 8.00 - 8.15 น. จะมีรถ ไปรับถึงที่ท่ารถ คนเดียวหรือสองคนก็มาได้ รถจะวิ่งรับตามจุดไปเรื่อยๆ แล้วพามาลงเรือที่อ่าวนาง 

สามารถเช่าเรือเหมาลำ ได้ทั้งทาง เรือหางยาว และเรือเร็วหรืออีกแบบหนึ่งคือ เที่ยวโดยซื้อแพคเก็จทัวร์โดยเรือหางยาว ราคาท่านละ 350 - 450 บาท แพคเก็จเดินทางโดยเรือสปีดโบ๊ท ราคาท่านละ 800 - 1,000 บาท สามารถนั่งได้ 8-10 คน 


จากใจคนที่เคยไปทะเลแหวก
หาดตรงทะเลแหวกสวยมากครับ เป็นหาดกลางทะเลอันดามัน ที่แปลกคือ "ปลิงทะเล" เยอะมากๆๆ อ๊ะ...ไม่ต้องกลัวครับ มันไม่กินเลือดนะครับ แค่นอนตัวอ้วนนิ่งๆใต้น้ำเท่านั้นเอง เหยียบไปก็นิ่มเท้าจั๊กกะจี้ดีครับ คิดถึง"ปลิงทะเลน้ำแดง"เลยอ่ะ อร่อย....

ผมไปมา 400 บาท เที่ยว 4 ที่ในหนึ่งวันครับ
1. ทะเลแหวก
2. ดำน้ำแบบสน๊อกเกิล แต่จำฃื่อเกาะไม่ได้
3. เกาะปอดะ แวะทานข้าวที่ยง (บนเรือเลี้ยง)
4. เที่ยวถ้ำพระนาง

ต้องบอกว่าสวยงามจริง ๆ โดยเฉพาะทะเลแหวกที่ต้องขึ้นอยู่กับช่วงเวลาจริงๆ  ยังอดใจไม่ได้ต้องขอเล่นสักหน่อยเพราะหาดทรายขาวสะอาดและน้ำใสมากจริง ๆ หวังว่าเพื่อน ๆ ทุกท่านคงจะไปสัมผัสสักครั้งนะคะ

  
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท.ภาคใต้ เขต4  
โทรศัพท์ 0-7621-1036, 0-7621-2213, 0-7621-7138

ใครเคยไปหรืออยากไปก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้นะครับ